Your Cart

วิวัฒนาการ เทคนิคปลูกผม

วิวัฒนาการ เทคนิคปลูกผม เกศาคลินิก

เกศาคลินิก เป็น คลินิกปลูกผม ที่เปิดทำการรักษามากกว่า 6 ปี ปัจจุบันมีผู้รับบริการมากกว่า 8000 ราย โดยเริ่มต้นเปิดคลินิก ทีมแพทย์มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาเฉพาะปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ โดยมุ่งเน้นการเป็นศูนย์ ปลูกผม และรักษาเส้นผมครบวงจร ดังนั้นตลอดระยะเวลา 6 ปี ทีมแพทย์เกศาจึงมีการพัฒนา เทคนิคปลูกผม มาโดยตลอด เพื่อให้ผลลัพธ์ปลูกผมที่เกศาแตกต่างและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ปลูกผมเทคนิคไหนดีที่สุด

2018
ยุคสมัยของ FUE

จริงๆแล้ว FUE ไม่ใช่ชื่อเทคนิคปลูกผม แต่เป็นชื่อกระบวนการเรียก วิธีที่ใช้นำรากผมออกมาจากด้านหลังเพื่อนำไปปลูก ซึ่งสมาคมปลูกผม ISHRS ได้แบ่งวิธีการนำรากผมออกมาจากด้านหลังออกเป็น 2 วิธี คือ FUT และ FUE 

โดยสมัยก่อนการนำรากผมออกมาจะใช้วิธีการผ่าตัด FUT ซึ่งเกิดรอยแผลเป็นยาวตลอดทั้งศีรษะ พักฟื้นนานและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนบริเวณแผลได้สูง  ดังนั้นการนำรากผมออกมาด้วยวิธี FUE จึงถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นการเจาะรากผมทีละกอ ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดเหมือน FUT  

ปัญหาของวงการปลูกผมสมัยก่อนคือ ถึงแม้จะใช้วิธี FUE แบบใหม่ก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ค่อยดีนัก สมัยก่อนการปลูกผมถาวรจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะผลลัพธ์ไม่ค่อยขึ้น แต่ถึงปลูกขึ้นก็ดูโป๊ะมาก เพราะแนวผมที่ปลูกมันเป็นเส้นตรง ปลูกเป็นกระจุกเหมือนวิกตุ๊กตา ทำให้ดูออกว่าคนนี้เคยผ่านการปลูกผมมาก่อน ดังนั้นข้อจำกัดการปลูกผม FUE สมัยก่อนคือ อัตราการรอดต่ำและ ผลลัพธ์ไม่ธรรมชาติ

ปลูกผมFUE

2019
เทคนิคปลูกผม Micrografts

ช่วง 2018 เกศาเริ่มเปิดให้บริการครั้งแรก คลินิกเริ่มปลูกผมด้วยวิธี FUE แบบดั้งเดิม หลังจากปลูกผมไปได้สักระยะ ทีมแพทย์ต่างคิดค้นหาวิธีทำให้ผลลัพธ์แตกต่างและดีขึ้นกว่าเดิม จึงค้นพบว่าหัวใจของการปลูกผมให้สำเร็จไม่ใช่วิธี  FUE หรือ FUT แต่มันคือเทคนิคกระบวนการทั้งหมดต่างหาก ปี 2019 เกศาจึงตัดสินใจปรับปรุงเรื่องความธรรมชาติของแนวผมก่อน

โดยปกติวิธี FUE ในสมัยก่อนจะเจาะรากผมออกมาเป็นกอใหญ่ๆ แล้วนำรากผมมาปลูกเลย ทำให้ผลลัพธ์ดูห่างและดูเป็นตอๆคล้ายคนใส่วิก เกศาจึงมีการตกแต่งให้รากผมที่ถูกเจาะออกมามีขนาดเล็กลงโดยนำกล้องจุลทรรศน์เข้ามาตกแต่ง ให้กราฟเล็กลง และแยกกราฟออกมาทำไรผมด้านหน้า เรียกว่า FUE Micrografts นั่นเอง ผลลัพธ์ที่ได้จึงหนาแน่นและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า FUE แบบดั้งเดิม

ปลูกผม micrograft

2020
เทคนิคปลูกผม DHI

พอเข้าปีที่ 2020 เทรนด์การใช้ปากกานำปลูก DHI ก็เข้ามา เรียกกันสมัยนั้นว่า เทคนิค DHI ซึ่งในความเป็นจริง DHI เป็นเพียงหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการปลูกเท่านั้น ดังนั้นการปลูกผมเทคนิค DHI จึงหมายถึงการนำปากกา DHI เข้ามาช่วยในขั้นตอนการปลูกนั่นเอง(Implantation process) 

ข้อดีของการปลูกผมด้วยอุปกรณ์ DHI จะช่วยกำหนดทิศทางและปลูกได้ในครั้งเดียว ทำให้ระยะเวลาผ่าตัดสั้นลง  ซึ่งในช่วงปี 2020 เกศาก็นำเข้าปากกา DHI เข้ามาใช้ในขั้นตอนการปลูกเช่นเดียวกันแต่หลังจากเกศาใช้เทคนิค DHI ไปสักระยะหนึ่ง กลับพบว่ากระบวนการนำกราฟเข้าแกนปากกา รากผมมีโอกาสบอบช้ำเสียหายได้ ทำให้มีผลกับอัตราการรอดที่ลดลงและไม่สามารถคาดเดาอัตราการรอดที่แน่นอนได้ เกศาจึงยกเลิกการใช้เทคนิค DHI ตั้งแต่ปี 2020 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : ปลูกผมเทคนิค DHI

ปลูกผมเทคนิคDHI

2021
เทคนิค NNN Signature by KESA

ปี 2021 เกศาได้พัฒนาเทคนิคปลูกผมเฉพาะที่เกศา เรียกว่า NNN Signature By KESA ซึ่งประกอบไปด้วย 

N : Natural hair line 

โดยเทคนิคนี้จะเน้นความเป็นธรรมชาติของแนวผมทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบแนวผมให้เหมือนธรรมชาติ จัดเรียงกราฟกำหนดทิศทางของกราฟทุกเส้นตามหลักกายวิภาคศาสตร์ ปลูกแทรกเข้าไปในผมเดิมให้เป็นเนื้อเดียวกัน และใช้ความหนาแน่นสูงเทียบเท่าผมธรรมชาติของบุคคลนั้น โดยความตั้งใจคืออยากให้ผมที่ปลูกดูธรรมชาติมากๆ ชนิดที่ว่าดูไม่ออกว่าเคยปลูกผมมาก่อน 

N : Nano Grafts

ตกแต่งกราฟผ่านกล้องจุลทรรศน์โดยทีมแพทย์มืออาชีพมากประสบการณ์ ทำให้กราฟมีขนาดเล็กพอดี ส่งผลให้ปลูกได้ความหนาแน่นสูง มีการตัดแต่งกราฟเพื่อสร้างไรผมเสมือนผมธรรมชาติ

ศึกษาข้อมูลเพื่มเติม :  ทำไมต้องตกแต่งกราฟ

N : Non-touch Grafts 

หลังจากยกเลิกเทคนิค DHI เกศาจึงพยายามคิดค้นเทคนิคปลูกผมที่ทำให้อัตราการอดสูงมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการใช้ปากกาปลูกผมที่มีโอกาสทำให้กราฟบอบช้ำได้เปลี่ยนเป็นการปลูกผมแบบไม่สัมผัสรากผมเลย  “Non-touch graft technique” ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญและฝึกฝนอย่างมาก เมื่อไม่มีการสัมผัสรากผมเลยทำให้อัตราการรอดของกราฟสูงมากขึ้นอีก 

2023-ปัจจุบัน
เทคนิค NNN นวัตกรรมใหม่แห่งการปลูกผม

ทีมแพทย์เกศาได้มีการอัพเดทความรู้โดยการเดินทางไปร่วมประชุมสัมนางานประชุมปลูกผมต่างประเทศเป็นประจำ จนได้รับอนุมัติการเป็นสมาชิกขององค์กรปลูกผมระดับโลก อาทิ AAHRS, World FUE, FUE ASIA ซึ่งการอัพเดทความรู้อย่างต่อเนื่องทำให้ได้ค้นพบว่า นวัตกรรมเครื่องเจาะราผมมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อผลลัพธ์การปลูกผม

กศาจึงตัดสินใจนำเข้าเทคโนโลยีที่ใช้ในการปลูกผมที่ทันสมัยที่สุดในโลกเข้ามาร่วมในการปลูกผมเทคนิค NNN  ทั้งนวัตกรรมเครื่องเจาะรากผม new innovation และ นวัตกรรมเลเซอร์สมานแผล HEALITE II โดยจะมีการเลือกเครื่องเจาะให้เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะของคนไข้แต่ละราย

โดยเครื่องเจาะรากผมรุ่นใหม่ที่เกศานำเข้า 3 ยี่ห้อได้แก่ TRIVELLINI, U-Graft และ graMAX จะมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้กราฟที่เจาะออกมาไม่บอบช้ำเลย อัตราการรอดของกราฟสูงจึงสูงสุด หัวเจาะรากผม Hybrid punch มีเทคโนโลยีปิดปากแผลทันทีหลังเจาะ ส่งผลให้แผลด้านหลังเล็กมากกว่าเครื่องเจาะรากผมทั่วไป และแทบจะมองไม่เห็นรอยแผลเป็นในระยะยาว

ด้วยนวัตกรรมเลเซอร์สมานแผล HEALITE II แสงสีเหลืองช่วยเร่งสมานแผล ลดบวม ลดการปวด ทำให้แผลหายไวภายใน 3 วัน ไม่ต้องพักฟื้นานเป็นสัปดาห์เหมือนเทคนิคอื่น การปลูกผมร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงทำให้ผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค NNN ที่เกศาเหนือชั้นมากขึ้น จนต้องลืมการปลูกผมแบบเดิมๆไปได้เลย 

“ผมปลูกขึ้นเป็นธรรมชาติ ผมงอกมากกว่า95 % แทบจะมองไม่เห็นรอยแผลเป็น แผลหายใน 3 วัน”

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : ปลูกผมเทคนิค NNN นวัตกรรมใหม่แห่งการปลูกผม

เทคนิคปลูกผม
ปลูกผมเทคนิค NNN