โรคดึงผม (Trichotillomania)
โรคดึงผม มีชื่อทางการแพทย์ว่า Trichotillomania เป็นภาวะภาวะทางจิตที่สัมพันธ์กับความเครียด ทำให้คนไข้ดึงผมออกจากหนังศีรษะ คิ้ว หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การดึงผมออกจากหนังศีรษะมักทำให้เกิดจุดหัวล้านเป็นหย่อมๆ โดยส่วนใหญ่คนไข้มักไม่ยอมรับว่าดึงผมตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ที่เป็นโรคดึงผม(Trichotillomania) ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อปกปิดการผมที่ร่วงจากการดึง ทำให้เกิดความวิตกกังวลและอับอาย ไม่มั่นใจในการใช้ชีวิต
ตำแหน่งที่พบการดึง มักดึงตรงกลางกระหม่อม ผมร่วงเป็นหย่อม รูปร่างไม่แน่นอน ผิดธรรมชาติ เช่น ขอบตรง, บริเวณที่ร่วงผมจะขึ้นสั้นยาว ไม่เท่ากัน มีผมขึ้นใหม่เส้นสั้นๆอยู่กลางวง พบรอยแกะเกา สะเก็ดที่หนังศีรษะ และหากดึงบ่อยๆไม่หยุด ผมบริเวณดังกล่าวจะร่วงถาวร (scarring alopecia)
ปัจจัยเสี่ยง
โดยปัจจัยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคดึงผม Trichotillomania
- ประวัติครอบครัว : พบว่าการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีผลต่อการเป็นโรคดึงผม โดยพบว่าหากมีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้จะมีโอกาสที่คนในครอบครัวจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้
- อายุ : โรคดึงผมสามารถพบได้ทั้งวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ โดยส่วนใหญ่มักอยู่ในช่วงวัยเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยในเด็กจะสัมพันธ์กับความเครียดและความกังวล ส่วนใหญ่หากมีการตอบสนองต่ออารมย์ที่ถูกต้องจะหายได้เอง ส่วนโรคดึงผมในผู้ใหญ่จะเป็นปัญหาทางจิตใจกลุ่ม compulsive habit ซึ่งพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ต้องได้รับการรักษา
- ความเครียด : สถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ตึงเครียดอย่างรุนแรง สามารถส่งผลให้เกิดโรคดึงผมได้ในบางคน
- ความผิดปกติอื่นๆ : โรคดึงผมอาจมีความผิดปกติทางจิตอื่นๆร่วมด้วย เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ
อาการและการแสดงออกของโรคดึงผม
- การดึงผมออกซ้ำๆ โดยทั่วไปแล้วจะมาจากหนังศีรษะ คิ้ว หรือขนตา แต่บางครั้งอาจมาจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งบริเวณที่ดึงอาจแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา
- ความเครียดที่เกิดจากการอยากหยุดพฤติกรรมดึงผม แต่ไม่สามารถหยุดดึงได้
- ความรู้สึกโล่งหรือมีความสุขหลังจากดึงผมเสร็จแล้ว
- ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน รวมถึงขนตาหรือคิ้วบางลงอย่างเห็นได้ชัด
- พยายามหยุดดึงผมซ้ำๆ แต่ไม่สำเร็จ
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของผู้หญิงที่เป็นโรคดึงผมในช่วงมีประจำเดือน อาจส่งผลให้มีอาการแย่ลงได้
หลายคนที่เป็นโรคดึงผม นอกจากการดึงผมแล้ว บางรายอาจแสดงออกทางพฤติกรรมโดยการแกะผิวหนัง กัดเล็บ หรือเคี้ยวริมฝีปากร่วมด้วย อีกทั้งการดึงขนจากสัตว์เลี้ยง ตุ๊กตา หรือจากวัสดุ เช่น เสื้อผ้าหรือผ้าห่ม ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของการควบคุมตนเอง
สำหรับผู้ที่เป็นโรคดึงผม( Trichotillomania) สามารถแบ่งอาการได้ 2 แบบ ดังนี้
- การดึงผมแบบรู้ตัว : บางคนตั้งใจดึงผมเพื่อบรรเทาความตึงเครียดหรือความทุกข์
- การดึงผมแบบไม่รู้ตัว : บางคนดึงผมโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ เช่น ขณะที่อ่านหนังสือหรือดูทีวี
โรคดึงผมกับความสัมพันธ์ด้านอารมณ์
- อารมณ์เชิงลบ
สำหรับคนไข้โรคดึงผมส่วนใหญ่ เป็นการดึงผมเพื่อจัดการกับความรู้สึกด้านลบ หรือความรู้สึกไม่สบายใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ความเบื่อ ความเหงา ความเหนื่อยล้า หรือความคับข้องใจ
- อารมณ์เชิงบวก
การดึงผมออกมาเพื่อให้เกิดความรู้สึกดีและช่วยบรรเทาความเครียดได้ ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ยังคงดึงผมต่อไป เพื่อรักษาความรู้สึกเชิงบวกเหล่านี้เอาไว้
ภาวะแทรกซ้อน
- ความทุกข์ทางอารมณ์ หลายคนทีเป็นโรคดึงผม จะมีความรู้สึกอับอายและขาดความมั่นใจ ซึมเศร้า วิตกกังวล
- ปัญหาด้านสังคมและการทำงาน ความอับอายหรือการขาดความมั่นใจอันมีผลมาจากผมร่วง อาจทำให้คุณหลีกเลี่ยงกิจกรรมาทางสังคมและสูญเสียโอกาสในการทำงาน ผู้ที่เป็นโรคดึงผม มักสวมวิกผม สวมหมวกตลอดเวลา และจัดแต่งทรงผม เพื่อปกปิดศีรษะล้าน
- ความเสียหายของผิวหนังและเส้นผม การดึงผมอย่างต่อเนื่อง สามารถส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็น และความเสียหายอื่นๆ รวมถึงการติดเชื่อที่ผิวหนัง บนหนังศีรษะของคุณ หรือบริเวณเฉพาะที่ดึงผม และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอย่างถาวร
- การกลืนผม คนไข้บางรายหลังจากดึงผมแล้วยังมีการกลืนเส้นผมตัวเองอีกด้วย เรียกว่า Trichophagia การกินผมสะสมเรื่อยๆจะทำให้เกิดก้อนผมขนาดใหญ่ (Trichobezoar) ในทางเดินอาหาร ส่งผลให้น้ำหนักลด อาเจียน ลำไส้อุดตัน และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
หากใครที่มีปัญหาดึงผมโดยที่ไม่สามารถหยุดพฤติกรรมการดึงผมได้ หรือรู้สึกขาดความมั่นใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ หน้าตา ที่มีผลมาจากพฤติกรรมการดึงผม ควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการรักษา เนื่องจากโรคดึงผม ไม่ได้เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเพียงท่านั้น แต่ยังป็นโรคที่มีผลมาจากภาวะทางจิต ซึ่งอาการจะไม่ดีขึ้นหากไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง
การรักษาผมร่วงผมบางจากการดึงผม
- โดยทั่วไปหากหยุดพฤติกรรมดึงผมได้ ผมที่ถูกดึงก็จะกลับมางอกปกติ
- แพทย์อาจพิจารณาการใช้ยากลุ่ม Minoxidil เพื่อกระตุ้นให้รากผมงอกเร็วขึ้นและใช้วิตามินบำรุงผมที่มีแร่ธาตุที่ช่วยในการเจริญเติบโตของรากผมร่วมด้วยเพื่อบำรุงรากผมให้แข็งแรง
- เนื่องจากกการดึงผมซ้ำๆจะทำให้เกิดหนังศีรษะเป็นแผล ดังนั้นแชมพูที่แนะนำ ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนที่ไม่สารก่อการระคายเคือง SLS/SLES/Paraben/Perfume
- กรณีที่ดึงผมซ้ำๆจนรากผมเสียหายถาวร เกิดเป็นแผลเป็น (scarring alopecia) จะไม่สามารถรักษาให้เส้นผมกลับมางอกได้ ต้องใช้การปลกผมถาวร
![]() |
![]() |
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : ปลูกผมคนในเครื่องแบบ
ผมร่วงจากโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
จริงหรือไม่? การตัดผมหรือการเล็มปลายผมบ่อยๆ จะทำให้ผมยาวเร็วขึ้น
“การ ตัดผม หรือ การ เล็มปลายผม บ่อยๆ จะทำให้ ผมยาว เร็วขึ้น” เชื่อว่าหลายต่อหลายคนมักจะได้ยินคำนี้กันบ่อยๆ และคุณเคยสงสัยมั้ยว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
วันนี้ #kesahair มีคำตอบมาฝากทุกคนกันค่ะ
การตัดผมหรือการเล็มปลายผมจะช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ เนื่องจากเส้นผมของคนเรางอกออกมาจากเซลล์รากผมบริเวณรูขุมขนบนหนังศีรษะ การตัดผมหรือการเล็มปลายผมจึงไม่ได้ส่งผลต่อรูขุมขนบนหนังศีรษะแต่อย่างใด แต่ประโยชน์ของการตัดเล็มผมอยู่เสมอจะช่วยลดการแตกปลายของเส้นผม ทำให้เส้นผมดูสุขภาพดี และเงางามขึ้น ดังนั้นแนะนำเล็มปลายผม 1 ซม. ทุกๆ 8 – 10 สัปดาห์ และไม่ต้องกังวลว่าการเล็มผมบ่อยๆจะทำให้ผมสั้นลงนะคะ เพราะโดยปกติเส้นผมของคนเรานั้นจะยาวประมาณ 1 ถึง 1.5 ซม. ต่อเดือน ดังนั้นถึงแม้จะตัดเล็มผมประจำ ผมก็ยังยาวออกมาเรื่อยๆค่ะ
รู้หรือไม่? วิตามินบางชนิดสามารถช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ วิตามินเหล่านั้นได้แก่ ซิงค์ ไบโอตินและซิลิกา ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดบริเวณรากผม และกระตุ้นการงอกของเส้นผม ส่งผลให้เส้นผมแข็งแรงและยาวเร็ว นอกจากรับประทานวิตามินเสริมและอย่าลืมรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายและสุขภาพผมดีไปพร้อมๆ กันนะคะ
Kesahair มีเคล็ดลับการดูแลเส้นผมให้ยาวอย่างได้ผลมาแนะนำทุกคนกันค่ะ >>> ผมหายอยากได้คืน
แต่สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม อย่ารอให้ปัญหาขยายกว้าง เพียงแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกศา แฮร์โซลูชั่น คลินิกของเรา ยินดีช่วยดูแล แก้ไขปัญหาเส้นผมให้ทุกท่านได้ทุกสาเหตุ ช่วยกู้ปัญหาผมเสียให้กลับมาสวยได้ดังเดิมได้ไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน อย่าลืมลองเข้ามาปรึกษากันดูนะคะ
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเส้นผม
-คนปกติมีเส้นผมบนหนังศีรษะ 90,000-140,000 เส้น (เฉลี่ยประมาณ 100,000 เส้น)
-ผู้ใหญ่ผมยาวได้วันละประมาณ 0.35 มิลลิเมตร ดังนั้น 1 เดือนจะยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
-เด็กผมยาวเร็วกว่าผู้ใหญ่ โดยจะยาววันละ 0.41 มิลลิเมตร และผู้หญิงผมยาวเร็วกว่าผู้ชาย 0.02 มิลลิเมตร/วัน
-ในคนปกติผมร่วงได้ไม่เกิน 100 เส้น แต่ถ้าวันไหนสระผม อาจร่วงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือไม่เกิน 200 เส้น/วัน
-1 รากผมจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวงจรเส้นผม
ระยะแรก เรียกว่า ระยะเจริญ หรือ อะนาเจน (Anagen)
ต่อมรากผมจะสร้างเซลล์ซึ่งทำให้เส้นผมงอกขึ้น ยาวขึ้น ช่วงเวลานี้จะอยู่ระหว่าง 3- 7 ปี หลังจากนั้นจะเข้าสู่ผมระยะหยุด หรือ คะตาเจน (Catagen) หรือ ระยะหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม หากระยะเจริญ หรือ อะนาเจนของเส้นผมอยู่ระยะยาวนานเท่าไหร่ ต่อมรากผมก็จะยังสามารถผลิตเส้นผมได้นานมากขึ้น และผมก็จะยาวและหนาแน่นขึ้นได้ แต่หากระยะดังกล่าวสั้นลง เส้นผมจะเข้าสู่ระยะพักเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาของการหลุดร่วงของเส้นผมเกิดขึ้นเร็วขึ้น ผมเกิดใหม่ก็จะสั้น และบาง ขาดความแข็งแกร่ง จึงทำให้มีภาวะอาการศรีษะล้านก่อนวัยอันควร
ระยะต่อมา เรียกว่า ระยะหยุด หรือ คะตาเจน (Catagen)
ระยะนี้จะกินเวลาไม่นานนัก จะเป็นช่วงสั้นๆที่ปลายของรากผมจะเคลื่อนตัวสู่ชั้นผิวหนัง เส้นผมจะเติบโตช้าลงและค่อยๆหยุดที่จะเติบโตไปในที่สุด ในระยะนี้อาจคิดเป็นสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 1 จากจำนวนเส้นผมทั้งหมดบนหนังศรีษะ โดยในแต่ละเส้นจะมีอายุในช่วงระยะนี้ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วจึงเข้าสู่ระยะพัก
ระยะพัก เป็นระยะที่ 3 ของวงจรชีวิตผม เรียกว่า (Telogen)
ระยะนี้เป็นระยะที่เซลล์รากผมนั้นตายแล้ว เส้นผมในระยะนี้ จะเตลื่อนและฝังตัวบริเวณใกล้เคียงกับพื้นผิวหนังเพื่อรอการหลุดร่วง พร้อมๆกับกำลังจะมีเส้นผมเกิดใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ระยะเจริญ ซึ่งจะมาผฃักให้เส้นผมที่ตายแล้วได้หลุดร่วงออกไป ในกรณีทั่วไปเส้นผมจะร่วงโดยประมาณ 50 ถึง100 เส้นต่อวัน โดยเส้นผมบนหนังศรีษะในระยะนี้จะมีจำนวนประมาณ ร้อยละ 10 ถึง 15 โดยเส้นผมในระยะนี้จะมีอายุอยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 เดือน
ระยะสุดท้าย คือ ระยะเริ่มเจริญใหม่ หรือ (Early Anagen)
เมื่อเส้นผมของคนเราหลุดร่วงและงอกขึ้นใหม่ตามวงจรชีวิตของเส้นผมเช่นนี้เรื่อยไปทุกๆวัน แต่เมื่อสูงวัยมากขึ้น วงจรเส้นผมนี้จะมีระยะเวลากระชับสั้นลงเรื่อยๆตามวัยที่สูงขึ้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมนั้นอ่อนแอลง เส้นผมงอกใหม่ก็ขาดความแข็งแรงไม่เหมือนเมื่อครั้งอ่อนวัย ดังนั้น เราจึงต้องบำรุงและดูแลรักษาเส้นผม บำรุงลึกถึงรากผม เพื่อสร้างความแข็งแรงและยืดระยะเวลาช่วงอายุของเส้นผมตามวงจรชีวิตเส้นผมให้ยาวนานขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาสุขภาพที่ดีของเส้นผมไว้ได้นานขึ้น ผมหลุดร่วงช้า ผมก็จะดกดำและหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาผมแก่ อ่อนแอ หงอก เปราะบาง หลุดร่วงไปตามวัยและสุขภาพของแต่ละคน
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัท เกศา กรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
ผู้สูงอายุปลูกผม ผลลัพธ์จะเหมือนวัยรุ่นไหม?
ผู้สูงอายุปลูกผม ผลลัพธ์จะเหมือนวัยรุ่นไหม?
ผู้สูงอายุปลูกผม หรือ ผู้ชายในวัยสูงอายุ ที่กำลังเผชิญกับปัญหา “ผมร่วง” สามารถมั่นใจได้ว่าอายุไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปลูกผมแต่อย่างใด ไม่มีคำว่า “แก่เกินไป” ที่จะรักษาด้วยการปลูกผม ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็สามารถรักษาอาการผมร่วงด้วยการปลูกผมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย อาทิ กรรมพันธุ์ ปริมาณเส้นผม และโรคประจำตัวต่างๆ
🔴 เมื่อผู้ชายวัยสูงอายุตัดสินใจปลูกผม
ผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไปอาจจะมีความคาดหวังผลลัพธ์ในการปลูกผม ให้ย้อนวัยกลับไปเหมือนตอนช่วงอายุ 20 ปี แต่ความเป็นไปได้นั้น ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของอาการผมร่วงและช่วงอายุ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการปลูกผมและต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ 3 ด้านดังนี้
- ระดับความรุนแรงของศีรษะล้านและปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่
ปริมาณเส้นผมของคนไข้ ถือเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด อายุที่มากขึ้น ผมที่เหลืออยู่ตามธรรมชาติจะมีปริมาณน้อยกว่าช่วงวัยหนุ่ม และผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาผมบางศีรษะล้านที่รุนแรงมากกว่า ทำให้การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผม จะต้องคำนึงถึงปริมาณผมที่เหลือ หากปริมาณผมมีน้อย จะต้องมีการออกแบบ hair line และใช้ความหนาแน่นที่ล้อไปกับปริมาณผมที่เหลืออยู่นั่นเอง
- การออกแบบ Hair line
การออกแบบทรงผมในผู้สูงอายุ แพทย์จะมีการออกแบบทรงผม เน้นความธรรมชาติให้เข้ากับช่วงอายุนั้นๆ เช่น การกำหนดทรงผมที่สูงขึ้นเล็กน้อย และใช้ความหนาแน่นที่พอดี ให้เข้ากับความหนาแน่นของผมเดิมของคนไข้ เพราะอายุที่มากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะเริ่มน้อยลง แต่ในบางรายที่ต้องการทรงผมที่ดูย้อนวัยมากๆ ก็สามารถทำได้หากปริมาณผมด้านหลังเพียงพอ
- โรคประจำตัว
ผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ซึ่งต้องรับประทานยารักษาต่อเนื่อง การปลูกผมถือเป็นการผ่าตัดเล็กที่ค่อนข้างปลอดภัย หากมีโรคประจำตัวแต่รับประทานยาต่อเนื่อง ควบคุมตัวโรคได้ดี ก็ไม่ถือเป็นข้อห้ามในการปลูกผม แต่อย่างไรก็ตามหากมีโรคประจำตัวแนะนำให้แจ้งแพทย์และนำยาที่รับประทานอยู่มาให้แพทย์ดูด้วย เพื่อวางแผนการปลูกผมให้มีความปลอดภัยสูงสุดนั่นเอง
สำหรับผู้ชายอาการผมร่วงผมบางสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่นถึงวัยสูงอายุ จากรายงานข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่เลือกที่จะรักษาอาการผมร่วงด้วยตนเอง เช่นซื้อแชมพูลดผมร่วง และเซรั่มตามท้องตลาดมาใช้แก้ปัญหาผมร่วง จนปัญหาผมร่วงผมบางลุกลามไปเรื่อยๆจนเกิดพื้นที่ล้านจนต้องมาปลูกผม ซึ่งจริงๆแล้วปัญหาผมร่วงผมบางถือเป็นปัญหาสุขภาพทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ ดังนั้นแนะนำรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ และรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ จะช่วยให้คุณผู้ชายมีบุคลิกที่ดีและมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น
เห็นไหมคะ ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงอายุไหนก็สามารถเข้ารับการรักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ด้วยการปลูกผมได้ อย่ารอให้ปัญหาขยายกว้าง เพียงแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกศา แฮร์โซลูชั่น คลินิกของเรา ยินดีช่วยดูแล แก้ไขปัญหาเส้นผมให้ทุกท่านได้ทุกสาเหตุ ช่วยกู้ปัญหาผมเสียให้กลับมาสวยได้ดังเดิมได้ไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน อย่าลืมลองเข้ามาปรึกษากันดูนะคะ
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัท เกศา กรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : ปลูกผมคนในเครื่องแบบ
โรคผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata
โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ไปทำลายเซลล์รากผมของตัวเอง (Autoimmunity) ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดได้อย่างไร ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม อาจจะมีหย่อมเดียว หรือหลายๆหย่อมก็ได้ และสามารถเกิดได้กับรากผมหรือขนทุกส่วนของร่างกาย เช่น ขนตา ขนคิ้ว ขนรักแร้ และขนหัวหน่าว ในรายที่มีอาการมาก คือ ผมร่วงทั้งศีรษะ (Alopecia Totalis) มีขนบริเวณอื่นของร่างกายร่วงจนหมดร่วมด้วย (Alopecia Univesalis)
โรคนี้อาจพบร่วมกับโรคอื่นๆได้ เช่นโรคภูมิแพ้ โรหอบหืด โรคไทรอยด์ โรคด่างขาว และมีรายงานว่าสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โรคผมร่วงเป็นหย่อมเกิดได้ทั้งในเพศชาย และเพศหญิงเท่าๆกัน สามารถเกิดขึ้นที่ช่วงอายุใดก็ได้ อุบัติการณ์ที่เกิดเฉลี่ยคือ 1 ใน 1000 คน
ลักษณะอาการ
- ผมร่วงเป็นหย่อม ขอบเขตชัด เป็นรูปวงกลมหรือวงรี
- บริเวณที่ผิวหนังที่ผมร่วงมีลักษณะเรียบเลี่ยน ไม่มีการอักเสบแดงหรือลอกเป็นขุย
- คนไข้บางรายเส้นผมอาจเปลี่ยนเป็นสีขาวร่วมด้วย เนื่องจากโรคนี้มีผลต่อเซลล์ที่สร้างเม็ดสีของผม
- ส่องกล้อง Dermoscope พบเส้นผมขนาดสั้นเรียวเล็กคล้ายเครื่องหมายตกใจ
- ในคนไข้บางรายอาจมีความผิดปกติของเล็บร่วมด้วย เช่นเล็บเป็นหลุม พบได้ 10-60%
การรักษา
- ผมร่วงเป็นหย่อมสามารถหายเองภายใน 6 เดือน กรณีที่ผมร่วงบริเวณกว้างมักไม่หายเอง ต้องได้รับการรักษา
- การรักษามีหลายวิธีขึ้นกับความรุนแรงของตัวโรคและดุลพินิจของแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น
-
- การฉีดยาบริเวณรอยโรค ทุก 4 – 6 สัปดาห์ ถือว่าเป็นการรักษาหลักในรายที่เป็นไม่มาก
- ทายากลุ่มสเตียรอยด์ที่มีความแรงระดับปานกลางขึ้นไป
- ทายากระตุ้นรากผม 3-5% Minoxidil lotion
- ทายากดภูมิคุ้มกัน เช่น Anthralin, DPCP
- การฉายแสง UVA
- การรับประทานยากดภูมิคุ้มกันในรายที่เป็นรุนแรง
การพยากรณ์โรค
ส่วนใหญ่แล้วการพยากรณ์โรคดี ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้
- บริเวณผมร่วงเกิน 50% ของพื้นที่หนังศีรษะ
- ผมร่วงทั้งศีรษะ (Alopecia Totalis) หรือผมและขนร่วงทั้งร่างกาย (Alopecia Universalis)
- ระยะเวลาการดำเนินของโรคเกิน 1 ปี
- มีความผิดปกติของเล็บร่วมด้วย
- คนไข้ที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองร่วมด้วย
- ผมร่วงเป็นแถบบริเวณชายผมโดยรอบ (Ophiasis)
- ประวัติเป็นซ้ำหลายครั้ง
- ช่วงอายุที่ผมร่วงเป็นหย่อมเกิดก่อนวัยรุ่น
ข้อแนะนําสำหรับคนไข้
- คนไข้ 30-50% อาจหายได้เองภายใน 6 เดือน – 1 ปี
- กรณีต้องเข้ารับการรักษา แนะนำติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคนี้ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี
- เมื่อหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หรือมีผมร่วงใหม่บริเวณอื่นได้
- ภาวะการเจ็บป่วยและอาการเครียดอาจกระตุ้นให้เป็นโรคมากขึ้น
- หากผมร่วงเป็นรุนแรงแนะนำคนไข้สวมวิก/แฮร์พีชร่วมด้วย
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : ผมร่วงหลังติดเชื้อโควิด
อาหารลดผมร่วง
“อาหารลดผมร่วง” การบำรุงเส้นผมด้วยแชมพูหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผมเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ ในระยะยาวก็ต้องอาศัยปัจจัยภายใน คือสุขภาพที่แข็งแรงร่วมด้วย เนื่องจากปัญหาผมขาดหลุดร่วง ผมบาง อาจมีสาเหตุมาจากร่างกายที่ไม่แข็งแรง ความเครียด หรือการขาดสารอาหารบางชนิด ซึ่งการจะมีเส้นผมที่แข็งแรง สวย เงางามได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพ รวมถึงอาหารที่เลือกรับประทานด้วย
วันนี้ Kesahair มี 9 อาหารลดผมร่วง ที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง สุขภาพดี มาฝากกันค่ะ
- ไข่
ไข่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อเส้นผม ทั้งโปรตีน วิตามิน D, A และ บี12 ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และยังมีสารคาโรทีนอยด์ ที่มีส่วนสำคัญในการงอกของเส้นผมอีกด้วย
- ไขมันจากปลา
ปลาที่มีไขมันชั้นดี ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาเฮอริ่ง เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 และประกอบไปด้วย โปรตีน, วิตามิน D3, ซีลีเนียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม สามารถช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางาม กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างดี
- ถั่ว
ถั่ว อุดมไปด้วยไบโอติน ซึ่งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและป้องกันผมร่วง
ถั่ว 1/4 ถ้วยมีโปรตีนมากถึง 9 กรัม เส้นใย 4 กรัม และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย
- ผักโขม
ผักโขม อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โฟลิก และวิตามิน B ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และซ่อมแซมเส้นผมที่เสียให้กลับมาสวยเงางาม อีกทั้งยังมีวิตามิน C ซึ่งช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ของรูขุมขน
- อะโวคาโด
อะโวคาโด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีต่อการเจริญเติบโตของสุขภาพเส้นผม เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่ช่วยทำให้หนังศีรษะมีสุขภาพดี และยังช่วยมอบความชุ่มชื่นให้กับรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมสำคัญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของมาสก์ผมอีกด้วย
- เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์ อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีส่วนช่วยบํารุงหนังศีรษะและป้องกันผมแห้ง
- มันเทศ
มันเทศ อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นเป็นวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสุขภาพของหนังศีรษะ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้ออกซิเจนไหลเวียนบำรุงรากผมได้ดีอีกด้วย
- พริกหวาน
พริกหวาน อุดมไปด้วยวิตามิน C ที่มีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจน ทําให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเส้นผมจากสาร Oxidative Stress อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน A ที่ช่วยเร่งการผลิตไขมันและทําให้เส้นผมมีสุขภาพดี
- หอยนางรม
หอยนางรมอุดมไปด้วยสังกะสี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมวงจรของเส้นผม
นอกจากแร่ธาตุในอาหารแล้ว ปัจจุบันมีการสกัดแร่ธาตุวิตามินต่างๆมาอยู่ในรูปแบบอาหารเสริม ดังนั้นหากต้องการรับประทานอาหารเสริมก็ลองมองหาส่วนผสมตามที่แจ้งข้างต้นมาลองทานร่วมกันได้ คนที่มีโรคประจำตัวอย่าลืมปรึกษาเภสัชกรและแพทย์ก่อนเสมอ แต่สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เกินที่จะแก้ไขด้วยวิธีการบำรุงด้วยวิตามินแล้ว แนะนำรักษากับคุณหมอ เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดเหมาะกับปัญหาเส้นผมของแต่ละคนค่ะ
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : ผมร่วงไม่หายซักที อาจเกิดจากภาวะพร่องธาตุเหล็ก!!
ความเครียด ปัญหาสำคัญของอาการ ผมร่วง
“ความเครียด ปัญหาสำคัญของอาการ ผมร่วง” ความเครียดเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของคนเรามากขึ้น แต่ละคนก็จะมีความเครียดที่แตกต่างกันไป ทั้งความเครียดจากการเรียน ความเครียดจากการทำงาน ความเครียดจากปัญหาส่วนตัว รวมไปถึงความเครียดจากการเจ็บป่วย ซึ่งความเครียดเหล่านี้ล้วนทำให้ผมร่วงมากขึ้นได้
เนื่องจากเส้นผมของเรานั้น มีความอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และฮอร์โมน ดังนั้นความเครียดจึงส่งผลต่อรากผม
โดยอาการผมร่วงที่เกิดจากความเครียด เกิดได้จาก 2 สาเหตุ ดังนี้
- Telogen Effluvium เป็นภาวะผมร่วงจากการที่รากผมเผชิญกับความเครียด ไม่ว่าจะเป็นจากความเครียดของร่างกายขณะเจ็บป่วย ที่เจอได้บ่อยๆมากในช่วงนี้คือผมร่วงหลังการติดเชื้อโควิด,การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น หลังคลอดบุตร, และความเครียดทางอารมณ์ ซึ่งความเครียดเหล่านี้จะส่งผลทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน รากผมบางส่วนจะหยุดการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมร่วงมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
- Trichotillomania เป็นภาวะผมร่วงที่เกิดจากดึงผมตัวเอง หากกลุ่มคนเหล่านี้มีความเครียด วิตกกังวล หรือเบื่อหน่าย ก็มักจะมีอาการดึงเส้นผมตัวเองแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้ผมร่วงหายไปเป็นหย่อม หากดึงซ้ำๆมีโอกาสหัวล้านได้ แนะนำผู้ที่มีปัญหาดึงผมตัวเอง ปรึกษาคุณหมอเพื่อรับยากลุ่มคลายกังวล คลายเครียดร่วมด้วย
เมื่อรู้แล้วว่าความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการผมร่วง แต่ไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นอย่างถาวร หากคุณสามารถจัดการกับปัญหาความเครียดได้ เส้นผมของคุณก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม แต่ถ้าสังเกตอาการผมร่วงของตนเองแล้วมีความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ถึงอาการที่เกิดขึ้น เพราะเส้นผมที่ร่วงผิดปกติอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาบางอย่างได้
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเส้นผม
– คนปกติมีเส้นผมบนหนังศีรษะ 90,000-140,000 เส้น (เฉลี่ยประมาณ 100,000 เส้น)
– ผู้ใหญ่ผมยาวได้วันละประมาณ 0.35 มิลลิเมตร ดังนั้น 1 เดือนจะยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
– เด็กผมยาวเร็วกว่าผู้ใหญ่ โดยจะยาววันละ 0.41 มิลลิเมตร และผู้หญิงผมยาวเร็วกว่าผู้ชาย 0.02 มิลลิเมตร/วัน
– ในคนปกติผมร่วงได้ไม่เกิน 100 เส้น แต่ถ้าวันไหนสระผม อาจร่วงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือไม่เกิน 200 เส้น/วัน
– 1 รากผมจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น
ระยะการเจริญเติบโตของเส้นผม
• ระยะ Anagen hair เส้นผม 90% บนหนังศีรษะจะอยู่ในระยะนี้ โดยจะมีอายุขัย 2-3ปี
• ระยะ Catagen&Telogen จะเป็นระยะที่หยุดเจริญเติบโต มีอายุขัย ประมาณ 3 เดือนแล้วหลุดร่วงไป
• ระยะหลังจากผมหลุดร่วง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนกว่าจะมีผมงอกใหม่ให้เห็นด้วยตาเปล่า
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : ผมหาย อยากได้คืน
รังแค (Dandruff)
รังแค คือลักษณะขุยหรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ เกิดจากการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดของหนังศีรษะ สาเหตุของการเกิด รังแค ยังไม่ทราบชัดเจน เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากเชื้อราชื่อ Malassezia โดยผู้ป่วยที่มีปัญหา รังแค จะมีเชื้อราชนิดนี้มากกว่าคนปกติ ทำให้เกิดการเร่งผลัดเซลล์ผิวเร็วกว่าปกติ จึงเกิดเป็นขุยขาวสะสมอยู่บริเวณหนังศีรษะและเส้นผม
ในคนที่มีปัญหา รังแค ธรรมดา หนังศีรษะมักจะไม่พบการอักเสบ หากพบ รังแค ร่วมกับมีการอักเสบของหนังศีรษะมักเป็นโรคผิวหนัง เช่น โรคเซ็บเดิร์ม, โรคสะเก็ดเงิน, ภาวะแพ้สารเคมีที่สัมผัสหนังศีรษะ เช่น แชมพู เซรั่ม น้ำยาย้อม/ดัดผม (contact dermatitis)
วิธีป้องกัน รังแค
- เลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่น เนื่องจากน้ำอุ่นจะทำให้หนังศีรษะแห้งและลอกเป็นขุย
- หลังสระผมควรรีบเป่าด้วยลมเย็นให้แห้ง เพราะจะเกิดความอับชื้นได้
- เลี่ยงการเกาแรง ๆ หรือใช้หวีซี่คมหวีบริเวณหนังศีรษะ
- เลี่ยงการใช้แชมพู เซรั่ม หรือน้ำยาย้อม/ดัดผมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
การเลือกแชมพูเพื่อรักษา รังแค
- มองหาส่วนผสมในยาสระผมที่ช่วยรักษารังแคได้แก่ ketoconazole, selenium sulfide ,Tar, Zinc pyrithione
- แชมพูเหล่านี้อาจทำให้ผมแห้งแข็งกระด้าง แก้ไขโดยใช้ครีมนวดบริเวณปลายผม
- แนะนำควรหมักทิ้งไว้ 3-5 นาทีเพื่อให้ยาออกฤทธิ์แล้วล้างออก
- ผู้ที่เป็นรังแคควรใช้ยาสระผมเหล่านี้เป็นประจำ โดยช่วงอาการกำเริบ ควรสระผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากโรคสงบ ลดเหลือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
เคล็ดลับจากคุณหมอ
คนส่วนใหญ่พอใช้แชมพูยา รังแคหายก็เลิกใช้ ทำให้รังแคกลับมาเป็นอีก ก็จะบ่นกันว่า ใช้อะไรก็ไม่หายขาดเสียที อย่างที่หมอบอกว่าคนที่มีปัญหารังแคส่วนใหญ่เกิดจากการที่มียีสต์บนศีรษะเยอะกว่าคนปกติ ดังนั้นจะมีปัญหา รังแค เป็นๆหายๆไปตลอดค่ะ หมอแนะนำถ้าหายแล้วอย่าลืมใช้แชมพูยา สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อคุมรังแคให้สงบไปตลอดนะคะ
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
บทความแนะนำ : โรคผมร่วงเป็นหย่อม
ปลูกผมคนในเครื่องแบบ
ปลูกผมคนในเครื่องแบบ
อาชีพทหาร ตำรวจ ก็มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้านไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ การปลูกผมในกลุ่มอาชีพนี้ จะมีความยากกว่าเคสทั่วไปเพราะคนไข้ต้องตัดผมสั้นติดหนังศีรษะตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสมองเห็นรอยแผลเป็นจากย้ายรากผม ไม่ว่าจะเป็นวิธี FUT หรือ FUE ก็ล้วนมีแผลเป็นทั้งสิ้น
- Follicular unit transplantation (FUT) เป็นการผ่าตัดเอาหนังศีรษะด้านหลังออกมาเป็นแถบ รอยแผลเป็นจะเป็นลักษณะรอยยาวตลอดแนวผม
- Follicular unit extraction (FUE) เป็นการย้ายรากผมโดยใช้หัวเจาะขนาดเล็ก เจาะรากผมบริเวณท้ายทอยและดึงออกมาทีละกอโดยไม่มีการผ่าตัด รอยแผลเป็นจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆกระจายทั่วหนังศีรษะ
คลินิกเวชกรรมกศามีเทคนิคการปลูกผมเฉพาะ ตอบโจทย์การปลูกผมคนในเครื่องแบบ ดังนี้
- ใช้หัวเจาะขนาดเล็กพิเศษ
ขนาดหัวเจาะรากผมที่ใช้ จะเลือกใช้ขนาดเล็กพิเศษ 0.6-0.8 mm. ทำให้แผลด้านหลังมีขนาดเล็ก เวลาตัดผมสั้นรอยแผลที่เกิดขึ้นจึงมองเห็นได้ค่อนข้างยาก และข้อดีของการใช้หัวเจาะเล็กพิเศษ คือแผลฟื้นตัวไว ภายใน 3 วันแผลจะเริ่มปิด ทำให้คนไข้ไม่ต้องลางานหลายวัน
- เทคนิคเจาะรากผมเฉพาะ ผมดูไม่บาง
มีการเจาะรากผมแบบกระจาย สลับกอรากผมแบบมีระเบียบ รอยเจาะจึงเท่ากันทั่วทั้งศีรษะ ทำให้เวลาตัดผมสั้น แล้วความหนาแน่นของผมดูสม่ำเสมอกัน
- บริการ KIT สักปิดรอยแผลเป็น
ในกรณีบางรายที่ต้องการเก็บรอยแผลเป็นให้เนียน สามารถเข้ารับการทำ KIT (Kesa Ink Transplantation) ซึ่งเป็นการฝังเม็ดสีทางการแพทย์ลงบนหนังศีรษะเป็นจุดๆเลียนแบบตอผมบริเวณรอยแผลเป็น ทำให้เก็บรอยแผลเป็นให้มองเห็นได้ยากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่ 6เดือนขึ้นไปหลังปลูกผม
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
7 วิตามินที่ต้องมีในอาหารเสริมบำรุงผม [ วิตามินบำรุงผม ]
หลายคนที่มีปัญหาผมร่วงเยอะ ผมบอบบางอ่อนแอ มีข้อสงสัยถามหมอตลอดว่าควรซื้อวิตามินบำรุงผมชนิดไหนมาดูแลผมของเราดี เพราะในท้องตลาดมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก บทความนี้หมอจะมาพูดถึง “7 วิตามินที่ต้องมีในอาหารเสริมบำรุงผม” ที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเส้นผมนะคะ
- Zinc
ช่วยในการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์รากผม
- Biotin (vitamin B7)
ช่วยสร้างชั้นผิวเคอราตินให้เส้นผม ทำให้ผมดูเงางาม เส้นอวบขึ้น
- Iron
วงจรของรากผมจะเป็นปกติ และเส้นผมจะเจริญได้ดีนั้น ร่างกายต้องมีระดับธาตุเหล็กในร่างกาย(Ferritin level)อย่างน้อย 70 ug/ml หากต่ำกว่านี้จะทำให้ผมร่วงได้
- Silicon
กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง
- Selenium
กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีฤทธิ์ antioxidant
- Vitamin A
กระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีฤทธิ์ antioxidant
แต่กรณีรับประทานวิตามินเอในปริมาณสูงเกินไปจะมีผลทำให้ผมร่วงได้
- Vitamin C
มีฤทธิ์ antioxidant และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
ปกติวิตามินเหล่านี้ มีอยู่ในอาหารที่เรารับประทานทุกวัน แต่กรณีบางคนมีปัญหาผมและไม่แน่ใจว่ารับประทานอาหารได้ครบถ้วนหรือไม่ การรับประทานอาหารเสริมในปริมาณที่เหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์ก็สามารถช่วยได้ ดังนั้นหากท่านใดกำลังมองหาวิตามินอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงเรื่องเส้นผม หมอแนะนำให้อ่านฉลากดูว่ามีส่วนผสมของวิตามินเหล่านี้หรือไม่ค่ะ แนะนำหายี่ห้อที่มีส่วนประกอบที่ค่อนข้างครบในเม็ดเดียว จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อหลายๆขวดมาทาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดควบคู่ด้วยนะคะ
แนะนำ : วิตามินบำรุงผม Fallicare plus
Facebook : Follicare ผลิตภัณฑ์สำหรับผมร่วง ผมบาง
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*
สาเหตุผมร่วง กับหลากหลายวิธีการรักษา
ผมร่วงหนักมากทำไงดี!!อยากให้คุณหมอช่วยบอก”สาเหตุผมร่วง”ว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีการรักษาอย่างไร?
หมอเชื่อว่า ทุกคนต้องเคยมีปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่เดินไปที่ไหน ทุกซอกทุกมุมของห้องก็เต็มไปด้วยเส้นผม ผมร่วงสะสมทุกวันจนท่อระบายน้ำตัน ผมร่วงเยอะจนเก็บไปฝัน ร่วงหนักจนนึกว่าเป็นมะเร็ง!!! วันนี้หมอมีหลากหลายวิธีการรักษามาแนะนำกันคะ ^^
ก่อนอื่นต้องแยกก่อนว่า ผมร่วงแบบไหนถือว่าผิดปกติ
- ผมร่วงปกติ : ปกติผมคนเราต้องร่วงทุกวัน เพราะบนหัวเรามีผมระยะหลุดร่วงอยู่ประมาณ 10 % ดังนั้นใน 1วัน หากร่วงไม่เกินวันละ 50-100 เส้น ถือว่าปกตินะคะ ส่วนวันที่สระผมอาจร่วงได้ถึง 2 เท่าเลยค่ะ
- ผมร่วงผิดปกติ: คือผมร่วงที่มากเกิน 100 เส้นในวันที่ไม่สระผม และเกิน 200 เส้นในวันที่สระผม
สาเหตุผมร่วงผมบางที่พบได้บ่อย
- ผมร่วงผมบางศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์
พบได้ในคนที่มีกรรมพันธุ์ผมบาง เกิดได้ทั้งชายและหญิง โดยผมจะค่อยๆร่วงร่วมกับเกิดภาวะผมบางศีรษะล้านตามรูปแบบกรรมพันธุ์ เพศชายจะล้านบริเวณง่ามผมและบริเวณกลางหนังศีรษะ ส่วนเพศหญิงจะบางบริเวณแสก รอยแสกจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มียารักษาที่ช่วยชะลอให้ตัวโรคดำเนินช้าลงได้ โรคนี้หมอแนะนำให้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะคงสภาพเส้นผมให้อยู่นานที่สุด
หลายคนที่มีปัญหาผมบางกรรมพันธุ์ มักเข้าใจผิดว่าเกิดจาก ภาวะเครียดสะสม หรือการใส่หมวกนานๆ ซึ่งจริงๆแล้ว การใส่หมวกนานๆจะทำให้ผมร่วงได้ก็ต่อเมื่อ มีการสะสมของความอับชื้นจนทำให้เกิดการติดเชื้อรา ถึงจะส่งผลให้เกิดผมร่วงได้ ส่วนความเครียดส่งผลให้ผมร่วงได้บ้าง แต่ไม่มีส่วนทำให้เกิดภาวะศีรษะล้าน
- ผมร่วงจากการแพ้แชมพูเซรั่ม แพ้สารเคมีในการย้อมผม ดัดผม ยืดผม
เกิดจากการแพ้สารประกอบในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น สารก่อฟอง สารกันเสีย สารให้ความลื่นของเส้นผม น้ำหอม สารเคมีที่ใช้ในการกัดสี ดัด ยืดผม ซึ่งสารเหล่านี้จะทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนและก่อการระคายเคือง ส่งผลให้มีปัญหาสิว หนังศีรษะอักเสบ และผมร่วงตามมาได้ ในรายที่มีการแพ้รุนแรงจะมีอาการแสบร้อน มีตุ่มน้ำใสและหนังศีรษะลอกร่วมด้วย เมื่อหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ อาการจะดีขึ้นเอง
- ผมร่วงจากโรคประจำตัว
โรคทางกายบางอย่างสามารถส่งผลให้เกิดผมร่วงร่วมได้ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ โรคโลหิตจาง ภาวะขาดธาตุเหล็ก โรคซิฟิลิส โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคถุงน้ำรังไข่Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) แนะนำพบแพทย์เพื่อซักประวัติและเจาะเลือดหาสาเหตุในรายที่มีอาการเข้าได้กับแต่ละโรค
- ผมร่วงจากการใช้ยาบางชนิด
การรับประทานยาบางชนิดต่อเนื่อง ทำให้เกิดผมร่วงได้ ยกตัวอย่างยาที่ทำให้ผมร่วงได้บ่อยคือ ยารักษาสิว ยารักษาโรคทางจิตเวช ยารักษาโรคลมชักเป็นต้น
- ผมร่วงจากการลดน้ำหนัก/รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่/ขาดธาตุเหล็ก
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว หรือการรับประทานอาหารมังสวิรัติ อาหารคีโต เป็นสาเหตุทำให้ผมร่วงได้ เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารบางประเภท ทำให้วงจรของผมร่วงผิดปกติ
การขาดธาตุเหล็กส่งผลทำให้ผมร่วงผิดปกติ เนื่องจากธาตุเหล็กมีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ประวัติที่ทำให้สงสัยว่ามีปัญหาขาดธาตุเหล็ก ได้แก่ ประวัติประจำเดือนมามากทุกเดือน ไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ทานเครื่องในสัตว์ หรือประวัติบริจาคโลหิตเป็นประจำแต่ไม่ทานธาตุเหล็กเสริม(ลิงค์เข้า บทความผมร่วงจากการขาดธาตุเหล็ก)
- ผมร่วงหลังคลอด ผมร่วงจากการเจ็บป่วย ผมร่วงจากความเครียด
เรียกภาวะนี้ว่า Telogen effluvium เกิดจากภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างรุนแรง เช่น การคลอดบุตรการเสียเลือดปริมาณมาก ไข้เลือดออก ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ภาวะเครียดรุนแรง ส่งผลให้วงจรผมที่เป็นระยะเติบโตกลายเป็นระยะหลุดร่วง พอผ่านไป 3 เดือน ผมระยะหลุดร่วงจะหมดอายุขัยแล้วหลุดร่วงออกจากหนังศีรษะนั่นเอง ซึ่งจะร่วงได้ถึงวันละ 150-700 เส้น ดังนั้นหากใครผมร่วงหนักมาก แล้วย้อนไป 3 เดือนที่แล้วมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น ก็จะเป็นภาวะนี้นั่นเองค่ะ
- ผมร่วงจากการโรคผิวหนัง
โรคผิวหนังบริเวณหนังศีรษะที่ทำให้เกิดผมร่วง ยกตัวอย่างเช่น โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ, โรคผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม, โรคผมร่วงเป็นหย่อม,โรคผมร่วงจากการอักเสบFrontal Fibrosis Alopecia,โรคลูปัส(DLE)
วิธีการรักษาผมร่วง ผมบาง
วิธีการรักษาผมร่วง มุ่งเน้นรักษาตามสาเหตุ ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์เพือหาสาเหตุผมร่วงทีแท้จริง โดยปัจจุบันการรักษาโรคผมร่วง ผมบางนั้นมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย ดังนี้
เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง แต่ยังไม่มีปัญหาผมบาง โดยปกติเส้นผมต้องการสารอาหารที่ช่วยให้วงจรการงอกของเส้นผมเป็นไปอย่างปกติ ดังนี้
- Zincช่วยในการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์รากผม
- Biotinช่วยสร้างชั้นผิวเคอราตินให้เส้นผม ทำให้ผมดูเงางาม เส้นอวบขึ้น
- Iron วงจรของรากผมจะเป็นปกติ และเส้นผมจะเจริญได้ดีนั้น ร่างกายต้องมีระดับธาตุเหล็กในร่างกาย(Ferritin level)อย่างน้อย 70 ug/ml หากต่ำกว่านี้จะทำให้ผมร่วงได้
- Siliconกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง
- Seleniumกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีฤทธิ์ antioxidant
- Vitamin Aกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีฤทธิ์ antioxidant แต่ถ้ารับประทานวิตามินเอปริมาณสูงจะมีผลทำให้ผมร่วงได้
- Vitamin Cมีฤทธิ์ antioxidant และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
ดังนั้นใครที่มีปัญหาผมร่วง แนะนำทานอาหารให้ครบ5หมู่และเน้นเสริมอาหารที่มีแร่ธาตุตามที่กล่าวไปข้างต้น หรือใช้การรับประทานวิตามินเสริมก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ แต่ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร
- รักษาผมร่วงด้วยการทายา
เหมาะสำหรับผมร่วงร่วมกับมีปัญหาผมบางระยะเริ่มต้นโดยยาทาที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยให้เส้นผมงอกได้คือ ไมนอกซิดิลซึ่งมีความเข้มข้น2-5%นอกจากนั้นยังมีสารสกัดรูปแบบทาอื่นๆที่ช่วยให้เส้นผมงอกได้ เช่น ฟิแนสเทอไรด์, Capixyl , Biothymus-M,Saw palmetto
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดมากมายที่โฆษณาว่าช่วยลดผมร่วงได้ หมอแนะนำให้ตรวจสอบสารประกอบและเชคเลข อย. เสมอ เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
- รักษาผมร่วงด้วยการรับประทานยา
ยารับประทานสำหรับรักษาผมร่วงผมบางมีหลากหลายชนิด ขึ้นกับสาเหตุตัวโรค ต้องอาศัยการตรวจร่างกายและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน หลายคนซื้อยาปลูกผมตามอินเตอร์เน็ตมารับประทานเอง ซึ่งมักจะโฆษณาว่า “ยาปลูกผมเห็นผลภายใน…เดือน” แต่กลับไม่มีชื่อยาใดๆกำกับอยู่ ซึ่งหมอขอแนะนำว่าการรับประทานยาใดๆ ผู้ที่ทานจำเป็นต้องทราบชื่อยา เนื่องจากหากมีผลข้างเคียงหรือมีอาการแพ้ยาจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และที่พบบ่อยคือการซื้อยาตามคำแนะนำของคนรู้จัก โดยไม่เคยไปพบแพทย์เลย ซึ่งแบบนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะการรับประทานยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ปัจจุบันมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าการใช้โกรทแฟคเตอร์ที่สกัดมาจากเลือดสามารถช่วยฟื้นฟูรากผมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง และช่วยลดผมร่วงได้ แนะนำใช้ควบคู่กับการรักษาตามมาตรฐาน เหมาะกับรายที่มีปัญหาผมร่วงผมบางที่ยังไม่มีศีรษะล้าน
แสงเลเซอร์ความถี่ต่ำLow level laser therapy เหมาะกับรายที่มีปัญหาผมร่วงผมบางที่ยังไม่มีศีรษะล้าน โดยกลไกการทำงานคือ แสงเลเซอร์จะปลดปล่อยพลังงานที่จำเพาะกับรากผม ทำให้กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้รากผมแข็งแรง ลดผมร่วง และช่วยรักษาภาวะผมบางได้ โดยปัจจุบันมีการผลิตหมวกเลเซอร์ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยแนะนำทำ 3 ครั้ง/สัปดาห์
การปลูกผมเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนปิดไปแล้ว หรือที่เรียกว่าศีรษะล้านนั้นเอง โดยการปลูกผมมี 2 วิธีหลักๆคือ FUT และ FUE
- Follicular unit transplantation (FUT) เป็นการผ่าตัดเอาหนังศีรษะด้านหลังออกมาเป็นแถบ และใช้กล้องจุลทรรศน์ตัดแบ่งรากผมให้เป็นกอ แผลเป็นจะมีลักษณะแถบยาว
- Follicular unit extraction (FUE) เป็นการย้ายรากผมโดยใช้หัวเจาะขนาดเล็ก เจาะรากผมบริเวณท้ายทอยและดึงออกมาทีละกอโดยไม่มีการผ่าตัด แผลเป็นจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆกระจายทั่วหนังศีรษะ หากไว้ผมยาวก็จะมองไม่เห็นแผลเป็นดังกล่าว
คลินิกเวชกรรมเกศา ใช้การปลูกผมวิธี Follicular unit extraction (FUE) โดยมีเทคนิคพิเศษเฉพาะของทางคลินิก คือ Triple N Technique ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการปลูกผมธรรมชาติ“ปลูกแน่น เน้นผลลัพธ์ธรรมชาติ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว”
- ปลูกแน่น หมายถึง ปลูกถี่แน่นสวย เพราะใช้ความหนาแน่นสูงสุด 60 กราฟ/ตร.ซม.
- เน้นผลลัพธ์ธรรมชาติ มีทีมแพทย์ออกแบบ Hair line โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ออกมาดูธรรมชาติ เข้ากับโครงหน้า และอายุของคนไข้ พร้อมตกแต่งกราฟก่อนปลูกทุกต้น
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไว เนื่องจาก ใช้หัวเจาะรากผมขนาดเล็ก 0.6-08 mm ทำให้แผลหายไว ฟื้นตัวเร็วภายใน 3 วันและหายสนิทภายใน 1 สัปดาห์
หลายคนมักกลัวการปลูกผม เพราะกลัวว่าจะเจ็บ แต่จริงๆแล้วการปลูกผม จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเฉพาะขั้นตอนการฉีดยาชาเท่านั้น หลังจากยาชาออกฤทธิ์ก็จะไม่มีความรู้สึกแล้ว และหลายคนยังมีความสงสัยว่าปลูกผมแล้วผมจะขึ้นถาวรจริงๆหรือ?หมอขอตอบว่า ผมที่ย้ายมาจะอยู่ถาวร มีการร่วงและงอกใหม่ตามวงจรผมปกติ ส่วนอัตราการรอดของรากผมที่ย้ายมาทางคลินิกรับประกันอยู่ที่ 90-95% โดยอัตราการรอดของกราฟจะขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ ความชำนาญของแพทย์ทั้งในขั้นตอนการเจาะรากผมและขั้นตอนการปลูกผม รวมไปถึงการดูแลหลังปลูกด้วย
ในคนที่ผมบางมากจนเกิดพื้นที่ล้านและมีข้อจำกัดในการปลูกผม ทางเลือกอื่นๆที่สามารถช่วยได้คือ การสักอณูไรผมบริเวณที่มีปัญหาศีรษะล้าน โดยการสักอรูไรผมจะมีการสักสีลงบนหนังศีรษะเป็นจุดๆเลียนแบบตอผม ซึ่งทำให้เสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้คนไข้ได้
กรณีไม่สามารถรักษาด้วยวิธีที่กล่าวมาข้างต้นได้ อีกทางเลือกที่สามารถใช้ได้คือ การสวมวิกและแฮร์พีช
สุดท้ายอยากฝากให้ทุกคนที่ไม่ไมทราบสาเหตุผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะคะ เพื่อที่จะได้รับการรักษาให้ตรงกับสาเหตุ และควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆเพราะหากปล่อยไว้ อนาคตจะมีโอกาสที่เป็นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีทางเลือกในการรักษาน้อยลง
.
**กดแชร์บทความด้านล่าง เพื่อบอกต่อสิ่งดี ๆ**
*บทความลิขสิทธิ์ โดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด*