Your Cart

Finasteride คือ ยา อะไร

ผมบางผู้ชาย มีชื่อทางการแพทย์ว่า androgenic alopecia หรือที่เรียกว่า โรคผมบางกรรมพันธุ์ พบในคนที่มีกรรมพันธุ์ผมบางในครอบครัว โดยเฉพาะฝ่ายมารดา ร่วมกับมีภาวะหนังศีรษะมีความไวต่อฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่า Dihydrotestosterone (DHT) โดยฮอร์โมน DHT จะส่งผลให้มีการทำลายรากผมที่แข็งแรง ทำให้เส้นผมมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายรูขุมขนปิด เกิดเป็นภาวะศีรษะล้านในที่สุด  ปัจจุบัน FDA มีการรับรองยาที่ใช้ในการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์ คือ  ฟีนาสเตอไรด์ ( Finasteride 1 mg )

ผมบางกรรมพันธุ์

ยา ฟีนาสเตอไรด์ หรือ Finasteride คือยาอะไร?

Finasteride คือยาที่ออกฤทธิ์ ยับยั้งเอนไซม์ 5 alpha reductase ( 5-alpha-reductase inhibitors) ที่ทำหน้าที่เปลี่ยน ฮอร์โมน Testosterone ไปเป็น Dihydrotestosterone (DHT) โดยฮอร์โมนดังกล่าวออกฤทธิ์ที่  2 อวัยวะ คือ ต่อมลูกหมาก และ ผิวหนัง โดยขนาดมิลลิกรัมที่ใช้มีความแตกต่างกัน โดยฟีนาสเตอไรด์e 5 mg จะเป็นยาที่นำมารักษาโรคต่อมลูกหมากโต, ส่วนฟีนาสเตอไรด์ 1 mg เป็นยารักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์

Finasteride

Reference : www.researchgate.net/figure/Structure-and-mechanism-of-action-of-finasteride-a-5-alpha-reductase-inhibitor-reduces_fig1_333823673 

ยา Finasteride กับการรักษาผมร่วง

ยาฟีนาสเตอไรด์ขนาด 1 mg ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าเป็นยาหลักในการรักษาโรคผมบางศีรษะล้านกรรมพันธุ์ (Androgenic alopecia) ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ที่มีผลให้รากผมถูกทำลายไปเรื่อยๆ เส้นผมที่หนาจะค่อยๆบางลงและล้านในที่สุด ดังนั้นการยับยั้งการทำงานของ DHT hormone จะส่งผลให้รากผมที่ถูกทำลายกลับมาแข็งแรงได้ตามปกติ  

ยา Finasteride 1 mgเหมาะกับใครบ้าง?

  • ยาฟีนาสเตอไรด์ 1 mg มีข้อบ่งชี้หลักในการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุุ์ (Androgenic alopecia)
  • เป็นยาทางเลือกสำหรับ โรคผมบางในผู้หญิง Female pattern hair loss ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้วเท่านั้น 

ต้องรับประทานยาFinasterideไปนานแค่ไหน ?

ปัจจุบันผู้ที่มีปัญหาผมบางกรรมพันธุ์ ถือเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นหากคนไข้ต้องการรักษารากผมให้แข็งแรงไปตลอด ไม่ให้ถูกทำลายจากฮอร์โมน DHTจนล้านในที่สุด แพทย์แนะนำรักษาต่อเนื่องระยะยาว โดยยา ฟีนาสเตอไรด์ เป็นยาที่ปลอดภัย ได้รับการรองรับจาก FDA จึงสามารถทานได้ตลอดชีวิตหากไม่มีข้อห้าม

ข้อควรระวังในการใช้ยาFinasteride

  • ไม่ควรซื้อยาทานเองโดยเด็ดขาด ควรพบแพทย์ที่รักษาเพื่อส่องกล้องหนังศีรษะดูก่อนว่าเป็นโรคผมบางพันธุกรรมจริง แล้วแพทย์มีความเห็นว่าสามารถใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ได้
  • ห้ามบริจาคเลือด เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์หากได้รับเลือดที่มีตัวยาฟีนาสเตอไรด์ปนเปื้อน กรณีเด็กในครรภ์เป็นเพศชายจะมีปัญหาอวัยวะเพศกำกวมได้
  • กรณีต้องการบริจาคเลือด ต้องงด ยาฟีนาสเตอไรด์ อย่างน้อย 30 วันก่อนทำการบริจาคเลือด
  • หากคนไข้อายุเกิน 50 ปี แนะนำตรวจค่ามะเร็งต่อมลุกหมาก PSA ก่อนเริ่มยา และควรติดตามค่า PSA ทุกปี โดยต้องแจ้งแพทย์ประจำตัวว่าท่านกำลังรับประทานฟีนาสเตอไรด์ เนื่องจากค่า PSA ที่วัดได้จะต่ำกว่าความเป็นจริง 50% ในผู้ที่ใช้ยา Finasterde ทำให้ตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากได้ยากมากขึ้น

รับประทานยาFinasterideนานๆจะมีผลกับตับไตหรือไม่?

  • ยาฟีนาสเตอไรด์ ไม่มีผลกับการทำงานของไต
  • ตัวยามีการย่อยยาผ่านทางตับ เหมือนกับยาทั่วไป ดังนั้นหากค่าตับปกติ สามารถใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ได้ตามปกติ 
  • ผู้ที่รับประทานยาฟีนาสเตอไรด์เป็นประจำ หมอแนะนำเช็คสุขภาพประจำปี เพื่อดูการทำงานของตับ หากในปีนั้นมีการอักเสบของตับ เช่น ตับอักเสบจากการดื่มสุรา ตับอักเสบจากไขมันพอกตับ ต้องแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแล เพื่อพิจารณาปรับยาฟีนาสเตอไรด์ตามความเหมาะสม

ผลข้างเคียงของยาที่อาจเกิดขึ้นได้

  • กรณีแพ้ยาจะมีผื่นขึ้นตามลำตัว แน่นหน้าอก ปากบวม ตาบวม

ยาทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมจริงหรือไม่?

มีรายงานว่าผู้ที่ใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ 1 mg มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศน้อยมาก ประมาณ 1-2 % ของผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการทางเพศลดลง  เต้านมโต อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ปวดอัณฑะ แต่อัตราการเกิดอุบัติการเหล่านี้ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานฟีนาสเตอไรด์กลับพบว่ามีอัตราการเกิดเท่าๆกัน ไม่มีความแตกต่างกันทางนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ยา Finasteride ไม่มีผลโดยตรงกับสมรรถภาพทางเพศที่ลดลง

ข้อมูลสนับสนุนจาก ISHRS : https://ishrs.org/finasteride-androgenetic-alopecia/ 

ทำไมผู้ที่ใช้ Finasteride แล้วสมรรถภาพทางเพศลดลง?

โดยปกติความต้องการทางเพศ และ สมรรถภาพทางเพศ จะขึ้นกับฮอร์โมน Testosterone เป็นหลัก ซึ่งยาฟีนาสเตอไรด์ไม่ได้มีผลทำให้ระดับฮอร์โมน Testosterone ลดลง ดังนั้นหากตามกลไกการออกฤทธิ์ ยาจึงไม่มีผลต่อเรื่องสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งสมรรถภาพทางเพศที่ลดลงในผู้ชาย มีสาเหตุจากหลายปัจจัย ยกตัวอย่าง ปัจจัยทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความกังวล ความเศร้า, ปัจจัยด้านสุขภาพร่างกาย เช่น โรคประจำตัว โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ภาวะอ้วนลงพุง, ปัจจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก เช่น การมีปากเสียงทะเลาะกัน ความรักที่ลดลงระหว่างคู่ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ทั้งสิ้น

ฟีนาสเตอไรด์

ยาFinasterideทำให้เป็นหมันจริงหรือไม่?

ปริมาณและคุณภาพของตัวอสุจิ (Spermatogenesis) ถูกควบคุมด้วยฮอร์โมน Testosterone ซึ่งยาฟีนาสเตอไรด์ 1 mg ไม่มีผลเรื่องปริมาณและคุณภาพของอสุจิ เนื่องจากออกฤทธิ์ลด DHT hormone ที่ 2 อวัยวะ คือ ต่อมลูกหมากและเส้นผมเท่านั้น ไม่ได้ออกฤทธิ์ลดฮอร์โมน Testosterone ที่อัณฑะ ดังนั้นฟีนาสเตอไรด์จึงไม่มีผลต่อการสร้างเสปิร์มอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ

ต้องหยุดยาก่อนการมีลูกหรือไม่?

กรณีผู้ที่รับประทานเป็นผู้ชาย ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดยา เนื่องจากยาไม่มีผลกับการวางแผนมีบุตร และยาไม่ได้ถ่ายทอดไปสู่หญิงตั้งครรภ์

ผู้หญิงรับประทานยา Finasteride ได้หรือไม่

ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์เป็นข้อห้ามในการใช้ยาฟีนาสเตอไรด์แต่ผู้หญิงที่สามารถรับประทานฟีนาสเตอไรด์ได้มีเพียงกรณีผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่แพทย์มีการวินิจฉัยว่าผมบางรรมพันธุ์ และมีข้อบ่งชี้ในการรับประทานยาฟีนาสเตอไรด์เท่านั้น

ข้อห้ามการใช้ยา 

  • คนที่มีประวัติแพ้ยาฟีนาสเตอไรด์
  • ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคตับอักเสบรุนแรง
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

ราคายา Finasteride 1 mg

ยาฟีนาสเตอไรด์ 1 mg สำหรับรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์ในท้องตลาด มีหลากหลายยี่ห้อ ราคามีความหลากหลายตั้งแต่ 300-700 บาท ต่อ 30 เม็ด ซึ่งประสิทธิภาพถือว่าใกล้เคียงกัน 

แบ่งยาFinasteride 5 mg เป็น 1/4 แทนได้หรือไม่?

ขนาดยาฟีนาสเตอไรด์ที่เหมาะสมกับการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์ คือฟีนาสเตอไรด์1 mg ดังนั้นหากใครที่ซื้อฟีนาสเตอไรด์ 5 mg มาแบ่งเป็น 4 ส่วน ขนาดยาที่ได้จะมากกว่าขนาดยาที่ต้องการ ทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้น และข้อเสียของการแบ่งยา คือ มีโอกาสทำให้ยาที่ถูกแบ่งทิ้งไว้เสื่อมคุณภาพได้ ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการรักษาน้อยลง

บทสรุป ยาฟีนาสเตอไรด์ 

ยาฟีนาสเตอไรด์1 mg ถือเป็นยาหลักในการรักษาโรคผมบางกรรมพันธุ์ในเพศชาย (Androgenic alopecia) โดยก่อนเริ่มยา ต้องพบแพทย์เพื่อทำการส่องกล้องวินิจฉัยโรคก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยไม่ควรซื้อยารับประทานเอง โดยยาFinasteride 1 mg ถือว่าเป็นยาที่ปลอดภัย สามารถรับประทานได้ระยะยาว เพื่อคงสภาพเส้นผมให้แข็งแรงไม่บางลงและล้านตามอิทธิพลของกรรมพันธุ์ฟีนาสเตอไรด์

 

บทความลิขสิทธิโดย บริษัทเกศากรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *