เครื่องเจาะรากผมสำคัญอย่างไร
ปัจจุบันการศัลยกรรมปลูกผมถาวรตามคำนิยามของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ The International Society of Hair Restoration Surgery (ISHRS) แบ่งวิธีการนำรากผมออกจากด้านหลังเป็น 2 วิธีการสากล คือ FUT และ FUE ซึ่งทั้ง 2 วิธีจะแตกต่างกันที่กระบวนการที่ได้มาของกราฟจากบริเวณด้านหลัง (Donor site)
- การปลูกผมวิธีFUT ย่อมาจาก Follicular unit transplantation เป็นวิธีการปลูกผมโดยการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังออกมาเป็นชิ้นยาวๆ หรือที่เรียกว่า Strip แล้วนำมาหั่นแยกกราฟออกมาเป็นกอเล็กๆ ที่เรียกว่า “กราฟ” แล้วจึงนำกราฟมาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งกราฟที่นำมาปลูกจะเป็นได้ทั้งแบบผมสั้น (short hair) หรือเป็นแบบผมยาว (long hair) ก็ได้
- การปลูกผมวิธีFUE ย่อมาจาก Follicular unit extraction เป็นวิธีการปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยจะมีการย้ายรากผมจากด้านหลังโดยใช้ เครื่องเจาะรากผม เจาะรากผมบริเวณท้ายทอยและดึงรากผม(กราฟ)ออกมาทีละกอ แล้วนำกราฟที่ได้มาปลูกยังบริเวณที่ต้องการ
ในบทความนี้หมอจะพามาทำความรู้จักกับเครื่องเจาะรากผมที่ใช้ในวิธีการปลูกผม FUE กันค่ะ โดยจะแบ่งเครื่องเจาะรากผมออกเป็น 2 เทคโนโลยีดังนี้
- เครื่องเจาะรากผมทั่วไป (General machine)
เครื่องเจาะรากผมทั่วไป จะเป็นเครื่องเจาะรากผมสมัยเก่าดั้งเดิม ที่มีการเจาะรากผมโดยใช้กลไกการทำงานแบบแรงหมุนความเร็วสูงอย่างเดียว (Rotation) ซึ่งข้อดีคือสามารถเจาะรากผมได้อย่างรวดเร็ว ราคาถูก หัวเจาะหาได้ง่ายราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือ การทำงานแบบหมุนด้วยความเร็วสูง จะทำให้กราฟบอบช้ำได้ และมีโอกาสตัดโดนรากผมได้ ส่งผลให้กราฟเสียหาย คุณภาพกราฟจึงต่ำลง (Low-moderate quality ) ซึ่งคุณภาพกราฟนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อการรอดของกราฟ โดยอัตราการรอดนั้นหมายถึง ความสำเร็จในการย้ายรากผม หากอัตราการรอดสูง ก็แปลว่า รากผมติดดี งอกดี โดยอัตราการรอดของกราฟกรณีใช้เครื่องเจาะรากผมทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 60-80% ทั้งนี้ขึ้นกับฝีมือและประสบการณ์ของผู้ที่เจาะรากผมเป็นสำคัญ กล่าวคือ หากผู้เจาะไม่มีความชำนาญจะทำให้รากผมบอบช้ำได้มาก กราฟที่ปลูกจึงไม่รอด เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมปลูกผมด้วยเทคนิคเดียวกันแต่อัตราการรอดของกราฟกลับไม่เท่ากันนั่นเอง
- เครื่องเจาะรากผมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด (New innovation machine)
เครื่องเจาะรากผมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด จะเป็นเครื่องเจาะที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีระบบเจาะให้ดียิ่งขึ้นกว่าเทคโนโลยีเดิม โดยกลไกการทำงานจะประกอบด้วย 3 ระบบ คือระบบหมุน(Rotation), ระบบกะเทาะ(Oscillation) และระบบสั่น(Vibration) ซึ่งการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ระบบนี้จะทำให้ลดการบอบช้ำของรากผมขณะเจาะ ตัวหัวเจาะไม่ตัดโดนรากผม ส่งผลให้ได้กราฟคุณภาพสูงสุด (High quality) ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการรอดของกราฟสูงถึง 95-99 % ข้อเสียคือ เครื่องเจาะนวัตกรรมใหม่มีราคาแพงกว่าเครื่องเจาะรากผมทั่วไปหลายเท่า ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลค่อนข้างสูง อีกทั้งอุปกรณ์หัวเจาะรากผมแต่ละอันมีราคาสูงมาก ทำให้คลินิกปลูกผมมักไม่นิยมใช้เครื่องเจาะรากผมประเภทนี้
ความแตกต่างของแผลเป็นด้านหลัง (Donor scar)
เทคโนโลยีของเครื่องเจาะรากผมนอกจากจะส่งผลต่ออัตราการรอดของกราฟแล้ว ยังส่งผลต่อเรื่องรอยแผลเป็นด้านหลังอีกด้วย โดยเครื่องเจาะแต่ละประเภทส่งผลให้เกิดความเตกต่างของแผลเป็นด้านหลังดังนี้
- เครื่องเจาะรากผมทั่วไป (General machine)
เครื่องเจาะรากผมแบบทั่วไป จะมีหัวเจาะรูปร่างทรงกระบอก ขนาดหัวเจาะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 0.6-1.2 มิลลิเมตร หลังเจาะรากผม แผลที่ถูกเจาะด้านหลังจะมีรูปทรงกระบอกตามรูปทรงของหัวเจาะ หลังกระบวนการหายของแผล จะเกิดรอยแผลเป็นเล็กๆทรงกลมตามหน้าตัดของหัวเจาะบริเวณท้ายทอย หากตัดผมสั้นหรือตัดรองทรงจะมองเห็นรอยแผลเป็นดังกล่าวได้ และในบางรายที่ใช้หัวเจาะขนาดใหญ่ ด้วยรูปทรงของหัวเจาะจะทำให้เกิดแรงตึงภายในแผลค่อนข้างสูง อาจมีความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นนูนยืดได้ (Hypertrophic scar)
- เครื่องเจาะรากผมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด (New innovation machine)
เครื่องเจาะรากผมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด จะมีการออกแบบหัวเจาะเป็นรูปทรงพิเศษ เรียกว่า “Hybrid punch” ซึ่งจะถูกจดสิทธิบัตรไว้ในแต่ละยี่ห้อ โดยหัวเจาะรูปทรงพิเศษนั้นจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้ ปากแผลปิดทันทีหลังเจาะ ทำให้แผลปิดสนิทและสมานไวกว่าหัวเจาะทั่วไป อีกทั้งรูปทรงหัวเจาะที่ถูกออกแบบมาพิเศษจะทำให้แรงตึงภายในแผลต่ำ จึงลดโอกาสเกิดแผลเป็นนูนยืดได้ (Hypertrophic scar) ระยะยาวจึงแทบไม่เห็นรอยแผลเป็น
NNN นวัตกรรมใหม่แห่งการปลูกผม
เกศาคลินิกได้พัฒนาเทคนิคปลูกผมเฉพาะตัวขึ้นมาเรียกว่าเทคนิค NNN ซึ่งมีการใช้เครื่องเจาะรากผมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด 3 รุ่นได้แก่ Trivellini, U Graft และ GraMAx ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยคุณหมอจะคัดสรรยี่ห้อเครื่องเจาะรากผมให้เหมาะกับสภาพหนังศีรษะและสภาพรากผมของผู้รับบริการแต่ละราย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์การปลูกผมให้ดีที่สุด อีกทั้งยังทำให้ผู้รับบริการใช้เวลาพักฟื้นน้อยลง เนื่องจากแผลหายได้ภายใน 3 วัน และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ด้านหลังอีกด้วย
ศึกษาเพิ่มเติม : ปลูกผมเทคนิค NNN นวัตกรรมใหม่แห่งการปลูกผม
บทความและภาพ ลิขสิทธ์ของบริษัท เกศากรุ๊ป ประเทศไทยจำกัด ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงโดยเด็ดขาด