ก่อนจะไปดูข้อมูลว่า ปลูกผมราคาเท่าไหร่ สิ่งที่ทุกคนต้องทราบก่อนคือ การปลูกผมถาวร เป็นการปลูกถ่ายอวัยวะรูปแบบหนึ่ง เรียกว่า Hair transplantation เป็นการนำเซลล์รากผมจากบริเวณหนึ่งย้ายไปยังอีกบริเวณ ซึ่งกระบวนการย้ายเซลล์ต้องทำด้วยความชำนาญของแพทย์ไม่เช่นนั้นเซลล์รากผมที่ย้ายไปก็จะไม่ติด และไม่รอดนั่นเอง ทรัพยากรรากผมของมนุษย์มีอยู่อย่างจำกัด หมดแล้วหมดเลย ไม่สามารถหาทดแทนได้ ดังนั้นการเลือกคลินิกปลูกผมจึงต้องศึกษาดีๆ ไม่ควรเทียบแค่เพียงราคาถูกเท่านั้น

 ปัจจัยในการกำหนดราคาปลูกผม

1. ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการปลูกผม

การปลูกผมต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ด้านปลูกผมเท่านั้น ดูได้จากการรับรองของแพทย์จากสมาคมปลูกผมระดับนานาชาติ เช่น การที่แพทย์เป็นสมาชิกองค์กรปลูกผมระดับโลก อาทิ WorldFUE, AAHRS, ISHRS  อีกทั้งฝีมือของแพทย์ปลูกผมแต่ละคนก็แตกต่างกัน ขึ้นกับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล โดยแพทย์ต้องทำการปลูกผมและดูแลคนไข้ตลอด 8 -12 ชั่วโมง ดังนั้นการปลูกผมที่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์มาทำหัตถการย้ายรากผมให้ จึงถือเป็นต้นทุนในการกำหนดราคาปลูกผม หากคลินิกไหนทำราคาที่ถูกมากผิดปกติ ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าคนที่มาทำการปลูกผมให้เราคือใคร มีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด

2. อุปกรณ์การเจาะรากผม

เครื่องเจาะรากผมในท้องตลาดมีหลายเกรด โดยเครื่องเจาะรากผมรุ่นใหม่ๆที่มีเทคโนโลยี Hybrid system จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องเจาะรุ่นเก่า คือไม่ทำให้กราฟบอบช้ำ อัตราการรอดจึงสูงสุด และที่สำคัญเทคโนโลยีหัวเจาะสมัยใหม่จะทำให้รอยแผลด้านหลังเล็ก แผลหายไวภายใน 3 วัน เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมปลูกผมแต่ละคลินิกผลลัพธ์และอัตราการรอดจึงต่างกัน ทำไมปลูกแล้วกราฟไม่ขึ้น ปลูกแล้วห่าง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากเครื่องเจาะรากผมนั่นเอง ซึ่งเครื่องเจาะรากผม Hybrid machine นั้นมีราคาสูงมากกว่าเครื่องเจาะทั่วไปหลายเท่าตัว ดังนั้นก็ขึ้นกับแต่ละคลินิกว่าจะเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านี้กับคนไข้หรือไม่

ตัวอย่างเครื่องเจาะรากผม ระบบ Hybrid system ยี่ห้อ Trivellini 

3. น้ำยาแช่กราฟ

ขั้นตอนการรักษากราฟหลังนำกราฟออกจากร่างกาย (Donor site) ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะหากนำกราฟออกมาจากร่างกายแล้วรักษาได้ไม่ดี กราฟก็มีโอกาสตายได้ ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงต้องใช้น้ำยาเลี้ยงเซลล์ที่ต้องใช้เกรดเดียวกับน้ำยาแช่เนื้อเยื่อของมนุษย์เท่านั้น เพื่อคงสภาพให้เซลล์รากผมสมบูรณ์มากที่สุดก่อนที่จะนำกลับไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ (Recipient site) โดยราคาน้ำยาเลี้ยงเซลล์จะมีราคาค่อนข้างสูงเฉลี่ยหลักหมื่นบาท หลายคลินิกที่ปลูกผมราคาถูกมาก มักลดต้นทุนด้วยการใช้น้ำเกลือมาแช่กราฟทดแทนการใช้น้ำยาเลี้ยงเซลล์ ทำให้อัตราการอดของกราฟต่ำ ส่งผลให้ปลูกไปแล้วกราฟไม่ขึ้นนั่นเอง

4. เทคนิคและอุปกรณ์ในการปลูกผม

เทคนิคการปลูกผมถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก แต่ละคลินิกใช้เทคนิคไม่เหมือนกัน เปรียบเหมือนกับการศัลยกรรมความงาม เช่น เสริมจมูก แม้จะใช้วิธีการเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกันเพราะใช้เทคนิคเฉพาะตัวที่ต่างกันนั่นเอง ดังนั้นเทคนิคฝีมือของแพทย์ผู้ทำการปลูกถือเป็นหัวใจของการกำหนดผลงานการปลูกผม เพราะนอกจากการปลูกผมที่ต้องการให้ผมขึ้นแล้ว ยังต้องพิจารณาคุณภาพของผมที่ขึ้นอีกด้วย โดยผู้ที่สนใจปลูกผมควรต้องพิจารณาจากผลงานตอนผมขึ้นแล้วหลัง 1 ปีเท่านั้น ว่ามีความเป็นธรรมชาติหรือไม่ ปลูกแน่นตามความหนาแน่นเดิมหรือไม่   รวมไปถึงอุปกรณ์ในการทำการปลูกผมต้องได้มาตรฐาน ซึ่งปกติแล้วอุปกรณ์ปลูกผมไม่ค่อยมีจำหน่ายในประเทศไทย ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการนำเข้าค่อนข้างสูง สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่ทำให้ราคาปลูกผมแต่ละที่แตกต่างกันนั่นเอง

5. ระบบsterile ของห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ผ่าตัดทั้งหมด

การปลูกผมถาวรถือว่าเป็นหัตถการที่ต้องทำภายใต้ห้องผ่าตัดเท่านั้น เนื่องจากต้องใช้มาตรฐานความสะอาดอย่างมาก ดังนั้นคลินิกที่ทำการปลูกผมต้องผ่านมาตรฐานห้องผ่าตัดเล็ก รวมไปถึงระบบทำความสะอาดอุปกรณ์ผ่าตัดทั้งหมด ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หากอุปกรณ์ถูกทำความสะอาดได้ไม่ดี จะส่งผลให้แผลมีโอกาสติดเชื้อได้ อัตราการรอดของกราฟจึงต่ำ และเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังปลูกผมได้ โดยคลินิกความงามหลายที่ จดทะเบียนเป็นคลินิกเวชกรรมเพื่อรักษาผิวพรรณความงามแต่รับปลูกผมเป็นรายๆโดยใช้ห้องหัตถการทั่วไปในการปลูกผมเพื่อลดต้นทุนในการสร้างห้องผ่าตัดเพิ่ม ซึ่งลักษณะนี้จะเข้าข่ายผิดกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

6. การฉายแสงเลเซอร์หลังปลูกผม

การดูแลหลังปลูกผม ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มอัตราการรอดของรากผม โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการดูแลหลังปลูกผม คือเครื่องเลเซอร์ความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยสมานแผลและกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงกราฟได้หลังปลูกผมทันทีมากขึ้นส่งผลให้อัตราการรอดของกราฟมากขึ้นคือ เลเซอร์แสงสีเหลือง ยี่ห้อ HEALITE II ความยาวคลื่นแสง 830 และ 590 นาโนเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเลเซอร์ที่มีคุณภาพสูงที่สุดในท้องตลาดผ่านมาตรฐาน US-DA, K-FDA, Thai-FDA ราคาสูงซึ่งต่างจากเครื่องเลเซอร์ราคาถูกที่พลังงานมักไม่เสถียร ทำให้คลื่นแสงไม่สามารถลงไปที่ชั้นรากผมได้ ดังนั้นการเลือกคลินิกปลูกผมควรดูเครื่องเลเซอร์ที่คลินิกเลือกใช้ร่วมด้วย

การคำนวณ ราคาปลูกผม รูปแบบต่างๆ

1. ปลูกผม ราคา คิดตามจำนวนกราฟ

การคิดราคาปลูกผมตามจำนวนกราฟ คือการที่แพทย์ออกแบบแนวผมแล้ววัดพื้นที่ ที่ต้องการปลูกผม หลังจากนั้นนำพื้นที่มาคำนวณหาจำนวนกราฟที่ต้องการ แล้วนำราคาต่อกราฟคูณเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น คลินิกปลูกผมกำหนดราคา ปลูกผม กราฟละ 70 บาท หากแพทย์คำนวณแล้วว่าคนไข้ต้องใช้กราฟในการปลูกผมทั้งหมด 3000 กราฟ ราคาที่ต้องจ่ายคือ 210000 บาท นั่นเอง

• ข้อดีของการคิดคำนวณตามจำนวนกราฟ
  

  –  ตรงไปตรงมามากที่สุด เพราะการคิดราคาขึ้นกับจำนวนกราฟที่ทำการปลูกจริง

• ข้อเสียของการคิดคำนวณตามจำนวนกราฟ
  

  –  ราคาสูงเมื่อเทียบกับการคำนวณราคาปลูกผมรูปแบบอื่น เนื่องจากเป็นการคำนวณตามจำนวนกราฟรายตัว
  –  ขาดความยืดหยุ่น เช่น การเปลี่ยนแปลงแนวผมเพียงเล็กน้อยกรณีเปลี่ยนใจเรื่องความสูงของแนวผมในวันปลูกจริง ทำให้จำนวนกราฟมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้งบประมาณที่วางแผนไว้มีการคลาดเคลื่อนได้
  –  อาจมีการคาดเคลื่อนในการคำนวณจากวันที่วางแผน เช่น วันที่ปรึกษาวางแผน แจ้งไว้ว่า 2000 กราฟ แต่วันปลูกผมจริงหลังมีการวัดแนวผมอย่างละเอียดพบว่าต้องเพิ่มจำนวนกราฟมากขึ้นเช่น 2500 กราฟ ทำให้งบประมาณที่เตรียมมาไม่เพียงพอ

2. ปลูกผม ราคา เหมากราฟ ทั้งศีรษะ(Buffet)

การคิดราคาปลูกผมแบบเหมากราฟทั้งศีรษะ คือการกำหนดราคาที่ตายตัวไว้ รองรับทุกปัญหาศีรษะล้านของคนไข้ แม้จะปลูกมากน้อยก็จ่ายราคาเดียวกัน เหมือนการรับประทานอาหารBuffet ปัจจุบันมีการทำโปรโมชั่นแบบ Buffet ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาด โดยการคิดราคาแบบนี้มีความแตกต่างกับการคิดราคาตามจำนวนกราฟแบบสุดขั้ว ซึ่งราคาที่ตั้งมักจะเป็นราคาที่ถูกและเหมากราฟทั้งศีรษะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนไข้

• ข้อดีของการคิดคำนวณราคา เหมากราฟ ทั้งศีรษะ(Buffet)
  

  –  ทราบงบประมาณที่แน่ชัด ว่าต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่

• ข้อเสียของการคิดคำนวณราคา เหมากราฟ ทั้งศีรษะ(Buffet)
  

  –  อาจโดนคลินิกใช้กลยุทธ์ปรับลดจำนวนกราฟ เช่น คนไข้ศีรษะล้านระยะ 4 ความเป็นจริงต้องใช้กราฟ 3000 กราฟ แต่ทางคลินิกแจ้งว่าใช้กราฟเพียง 1500 กราฟเท่านั้น แม้จะเป็นราคาที่ถูก แต่หลังปลูกผมกลับได้ผลงานที่ไม่แน่น ปลูกไม่เต็มพื้นที่ ผลลัพธ์ไม่ดี ต้องมาปลูกผมรอบใหม่ เสียเงิน 2 รอบ เสียเวลา 2 รอบ
  –  คลินิกอาจลดต้นทุน เพื่อทำให้ได้กำไร เพราะการปลูกผมถือเป็นหัตถการที่ต้องใช้เทคโนโลยีและความชำนาญของแพทย์ระดับสูง ตั้งแต่อุปกรณ์เจาะราคาหลักแสน หัวเจาะ น้ำยาเลี้ยงเซลล์นอกร่างกาย ทีมแพทย์และพนักงาน รวมไปถึงขั้นตอนทั้งหมดในการดูแลหลังปลูกผมตลอดทั้งปี ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำราคาถูกแล้วได้ของที่มีต้นทุนสูง มิเช่นนั้นคลินิกก็ไม่สามารถอยู่ได้ ดังนั้นให้พิจารณาเสมอว่าหากราคาถูกเกินไป แถมได้กราฟไม่อั้น อาจได้ของที่ลดคุณภาพนั่นเอง
  –   คลินิกใช้กลยุทธ์เหมากราฟ แต่ต้องจ่ายเพิ่มค่าใช้จ่ายจุกจิกเช่น เหมากราฟราคา 69000 บาท แต่ต้องชำระค่าสระผม ค่าเลเซอร์ ค่ายาเดือนละหลายพันบาท ค่าฉีดบำรุงรากผม หากไม่รับบริการที่คลินิกแนะนำผลลัพธ์ก็จะไม่ดี ทำให้คนไข้ไม่มีทางเลือก ต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนต่างอย่างไม่เต็มใจ
  –  ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการปลูกผมจำนวนน้อย เช่น ปลูกปรับกรอบหน้าเพียงเล็กน้อยใช้กราฟเพียง 1000 กราฟ แต่ต้องจ่ายราคาเหมากราฟที่สูงกว่าที่ควรจะต้องจ่ายเป็นต้น

 3.  ปลูกผม ราคา เหมาจำนวนกราฟเป็นขั้นบันได

การคิดราคาปลูกผมแบบเหมาจำนวนกราฟเป็นขั้นบันได คือการที่กำหนดราคาปลูกผมแบบเหมาจ่ายเป็นขั้น เช่น ไม่เกิน 1000 กราฟ, 1000-2000 กราฟ, 2000-3000 กราฟ, มากกว่า 3000 กราฟ  ซึ่งการคิดราคาปลูกผมแบบเหมาจำนวนกราฟเป็นขั้นบันไดเป็นการผสมผสานการคำนวณราคาปลูกผมแบบที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน

• ข้อดีของการคิดคำนวณราคา เหมาจำนวนกราฟเป็นขั้นบันได
  

  –  ราคาตรงไปตรงมา เพราะเป็นการคำนวณจากช่วงจำนวนกราฟที่คนไข้ปลูกจริง
  –  ราคาสมเหตุสมผล เพราะตามหลักการทั่วไปแล้ว การที่ปลูกผมจำนวนกราฟที่มากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ควรต้องมากขึ้นเช่นกัน(Variable cost) เพราะมีการใช้ทรัพยากรมากขึ้นอาทิ ทรัพยากรด้านตัวแพทย์ที่ต้องทำหัตถการมากขึ้น หัวเจาะรากผม น้ำยาแช่กราฟ รวมไปถึงความยากมากขึ้นเมื่อใช้กราฟปริมาณมาก  ต้นทุนที่มากขึ้น ย่อมส่งผลให้ราคาสูงขึ้นนั่นเอง เป็นหลักการเดียวกับการคำนวณราคาปลูกผมแบบรายกราฟ
  –  งบไม่บานปลาย เพราะเป็นราคาที่เหมาตามจำนวนกราฟที่กำหนดมาแล้ว ทำให้จัดสรรงบประมาณได้ตั้งแต่ต้น
  –  ความยืดหยุ่นสูงกว่า ยกตัวอย่าง กรณีเปลี่ยนแปลงแนวผมเล็กน้อย จากเดิมเคยคำนวณไว้ที่ 2500 กราฟ กลายเป็น 2800 กราฟ ซึ่งจำนวนกราฟที่เพิ่มขึ้นจะยังอยู่ในช่วงขั้นบันได้ที่กำหนด ทำให้งบประมาณที่ใช้ยังคงเท่าเดิม คนไข้จึงสบายใจได้มากกกว่า

• ข้อเสียของการคิดคำนวณราคา เหมาจำนวนกราฟเป็นขั้นบันได
  

  –  ในเคสที่ปลูกจำนวนไม่เต็มขั้น เช่น ปลูก 2200 กราฟอาจรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า อยากปลูกให้ได้ถึง 3000 กราฟเพราะจ่ายราคาเท่ากัน แต่อย่าลืมว่าการปลูกผมจำนวนมากไม่ใช่ความคุ้ม เพราะมันคือรากผมของคนไข้เอง ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด การปลูกผมที่คุ้มค่าคือการปลูกผมในแนวผมที่ดูธรรมชาติเข้ากับรูปหน้า และกราฟที่ปลูกรอดมากที่สุด ผลลัพธ์แน่นเป็นธรรมชาติต่างหาก

  สรุป ปลูกผมราคาเท่าไหร่

          ราคาปลูกผมขึ้นกับหลากหลายปัจจัย และการคิดคำนวณราคาปลูกผมก็มีหลายรูปแบบ ดังนั้นคำแนะนำ คือการศึกษาหาความรู้ดีๆ เพราะการปลูกผมสามารถทำได้เพียง 1-3 ครั้งในชีวิตและทรัพยากรรากผมมีอยู่อย่างจำกัด ควรเลือกคลินิกปลูกผมที่ปัจจัยด้านคุณภาพมากกว่าปัจจัยราคาอย่างเดียว การเลือกรูปแบบการคำนวณราคาปลูกผม ควรเลือกรูปแบบที่สมเหตุสมผลและราคาไม่ถูกจนเกินไป เพราะราคาที่ถูกมากย่อมมีเหตุผลในตัวของมัน และที่สำคัญควรเลือกคลินิกที่มีความตรงไปตรงมา คนไข้ได้พูดคุยกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรงไม่ใช่คุยกับ sale ผลงานผมที่ยาวแล้วดูแน่นเป็นธรรมชาติ และคลินิกมีประสบการณ์ มีผู้ใช้บริการอยู่จริง โดยเลือกดูรีวิวจากผู้ใช้จริงในช่องทางเพจของคลินิกนั่นเอง

บทความลิขสิทธิ บริษัทเกศา กรุ๊ปประเทศไทยจำกัด